เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี? (5 อันดับยี่ห้อที่ดีที่สุด 2566)

เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี

ในปัจจุบันที่มีสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ปกคลุมอยุ่ทั่วกรุงเทพฯ หลายๆ ที่พักอาศัยก็มีการติดตั้งเครื่องฟอกอากาศประจำบ้าน หรือห้องกันไปเรียบร้อยแล้ว รู้หรือไม่ว่าคนกรุงเทพฯ ที่ใช้รถใช้ถนน ต้องใช้เวลาในรถบางวันก็มากกว่าใช้เวลาในเคหะสถานเสียอีก รถบางรุ่นก็มีการกรองฝุ่น PM2.5 มาให้อยู่แล้ว แต่หลายๆ คนก็ยังไม่สบายใจ อยากจะมีเพิ่มเพื่อความอุ่นใจ นอกจากกรอง PM2.5 แล้ว พวกไวรัสต่างๆ ก็อยากกรองให้สะอาดอีกด้วย บทความนี้จึงมาบอกวิธีการเลือกเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ และรวบรวม 5 อันดับเครื่องกรองอากาศภายในรถยนต์

วิธีการเลือก และจัดวางเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์

ง่ายๆ เลย เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ มี 2 ประเภทเหมือนกับเครื่องฟอกอากาศตามบ้านเป๊ะ คือ ประเภทแรก ต้องยกให้แบรนด์นี้ เครื่องฟอกอากาศของ SHARP มีเทคโนโลยี Plasmacluster เอกสิทธิ์เฉพาะของแบรนด์นี้ หลักการทำงานง่ายๆ คือการยิงประจุบวกและลบที่ไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต ยิงไปจับเหล่าอนุภาคฝุ่นที่มีขนาดเล็ก ให้จับกลุ่มเป็นก้อนกัน แล้วมีขนาดใหญ่ และหนักมากพอที่จะตกลงพื้น เราจะได้ไม่ต้องสูดดมเข้าไปนั่นเอง

ประเภทที่สองของเครื่องฟอกอากาศคือ ชนิดที่ใช้แผ่นกรอง (ฟิลเตอร์) ทำหน้าที่เป็นตัวดักจับอนุภาคฝุ่นละออง เกสรดอกไม้ แผ่นกรองยิ่งดี ยิ่งกรองได้ดี แผ่นกรองที่เป็นที่นิยมก็คงหนีไม่พ้น HEPA Filter (High Efficiency Particulate Air Filter) เป็นชนิดของแผ่นกรองอากาศที่มีความสามารถสูง โดยสามารถดักจับฝุ่นละอองที่มีอนุภาคขนาด 0.30 ไมครอน หรือขนาดเล็กเพียง 0.0003 mm ได้ มีประสิทธิภาพในการกรองอากาศสูงถึง 99.97% ฝุ่น PM2.5 แผ่นกรองชนิดนี้ จัดการได้สบายๆ

จะเห็นได้ว่าเครื่องกรองอากาศแบบชนิดที่ใช้แผ่นกรองดูจะตอบโจทย์มากที่สุด เพราะกรองได้หลากหลาย และคุ้มค่ามากที่สุด แต่ว่าแต่ละรุ่นจะแตกต่างกันอย่างไร วันนี้มี 5 อันดับเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ที่ดีที่สุดในปี 2566 นี้มาให้เลือกกัน

5 อันดับเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ที่ดีที่สุดในปี 2566

1. เครื่องฟอกอากาศ ในรถ PHILIPS รุ่น GoPure 5211

เครื่องฟอกอากาศ ในรถ PHILIPS รุ่น GoPure 5211

PHILIPS รุ่น GoPure 5211

เครื่องฟอกอากาศ PHILIPS ในรถ รุ่น GoPure 5211 รุ่นนี้จัดเต็มมากในเรื่องประสิทธิภาพ เริ่มตั้งแต่เทคโนโลยีการกรองอากาศที่ไม่เหมือนใครของ Philips SelectFilter Plus สามารถขจัดอนุภาคฝุ่นละอองอย่าง PM2.5 ที่ตรวจจับในห้องโดยสารของรถยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว เพราะมีอัตราการสร้างอากาศบริสุทธิ์ (Clean Air Delivery Rate: CADR) ของ PM2.5 ที่ 16 ลบ.ม./ชม. ดังนั้น อากาศภายในรถ SUV หรือรถเก๋งทั่วไปจะผ่านการกรองถึง 50% ภายในเวลา 10 นาที โดยสามารถขจัดได้ทั้งอนุภาคที่อันตราย ควันบุหรี่ และฝุ่นผงต่างๆ เพื่อให้คุณได้สูดอากาศได้เต็มปอด ขจัดควัน NO₂/SO₂ ที่เป็นอันตรายจากการจราจร แผ่นกรองที่ได้รับการรับรองจาก Airmid ขจัดสารก่อภูมิแพ้ในอากาศได้ 90% Airmid Healthgroup องค์กรวิจัยด้านชีวการแพทย์ซึ่งเป็นที่ยอมรับได้ทำการทดสอบเทคโนโลยีกรองอากาศ SelectFilter Plus ที่มีเอกลักษณ์ของ Philips และพบว่าสามารถขจัดเกสรก่อภูมิแพ้ในอากาศได้สูงสุด 90% ราคาอาจจะแรงไปนิด แต่รับรองว่าคุ้มค่ามากๆ

2. เครื่องฟอกอากาศในรถ Philips New GoPure SlimLine 230

เครื่องฟอกอากาศในรถ Philips New GoPure SlimLine 230

เครื่องฟอกอากาศในรถ Philips New GoPure SlimLine 230

ขึ้นชื่อว่าแบรนด์ Philips แล้วประสิทธิภาพมาเต็มเสมอ อย่างรุ่นถัดมา Philips New GoPure SlimLine 230 อันดับแรกคือ ดีไซน์ สิ่งที่มองเห็นก่อนใคร รุ่นนี้ดีมากๆ ขนาดที่กะทัดรัด ทำให้สามารถวางตรงเบาะรองแขน หน้ารถ หรือรัดติดไว้ด้านหลังกับเบาะหน้าก็ได้ รวมถึงไฟสถานะ ทำออกมาได้ดี เห็นได้ชัดเจน แต่ไม่ขัดหูขัดตา เรื่องประสิทธิภาพการกรองอะไรต่างๆ เรียกได้ว่าไม่ต่างจากรุ่นพี่ แต่อาจจะช้ากว่านิดหน่อยเท่านั้นเอง ความสะดวกสบายอีกอย่างหนึ่งคือ รุ่นนี้รู้ตัวว่าสามารถเคลื่อนที่ไปได้ดั่งใจของผู้ขับขี่ปรารถณา จึงมีสายมาให้ทั้งสั้นยาว และหัวต่อไฟทั้งแบบ USB และแบบที่เสียบกับที่จุดบุหรี่ เรียกได้ว่า จิ๋วแต่แจ๋วของจริง

3. Xiaomi MiJia Car Air Purifier

เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ Xiaomi MiJia Car Air Purifier

เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi MiJia Car Air Purifier

เครื่องฟอกอากาศจากแบรนด์ดังอีกแบรน์อย่าง Xiaomi MiJia Car Air Purifier ใครที่อาจจะไม่สบายใจ ลองดูก่อน ข้างในเจ้า Xiaomi MiJia Car Air Purifier ที่ออกแบบระบบการไหลเวียนของอากาศแบบพัดลมคู่ ที่กรองอากาศได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ สามารถผลิตอากาศบริสุทธิ์ออกมา CADR 60 ลบ.ม./ชั่วโมง ในเวลาเพียง 3-7 นาที ใช้ตัวเซ็นเซอร์ตรวจจับค่าอากาศอนุภาค Amphenol ของประเทศอเมริกา ใช้มอเตอร์ DC Brushless ทำให้สามารถดูดอากาศไม่บริสุทธิ์เข้าสู่ตัวเครื่องได้อย่างรวดเร็ว ตัวเครื่องสามารถกรองอากาศเข้าได้ 3 ด้าน และวงจรการไหลเวียนของอากาศจากหลังไปหน้า ไส้กรอง 360 องศา คุณภาพสูงที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน สามารถกรองฝุ่นที่มีขนาดเล็กกว่า PM2.5/PM0.3-0.5 ไมครอนได้มากถึง 99.99% ส่วนตัวไส้กรองใช้วัสดุนำเข้าจากบริษัท Toray ของประเทศญี่ปุ่น ทำให้มั่นใจได้เลยว่า Xiaomi MiJia Car Air Purifier อัดแน่นไปด้วยคุณภาพจริงๆ

4. 3M PN38816 Smart Vehicle AirPurifier

เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ 3M PN38816 Smart Vehicle AirPurifier

เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ 3M PN38816 Smart Vehicle AirPurifier

น่าจับตามองกับ 3M PN38816 Smart Vehicle AirPurifier ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี 3M Electrostatic Electret Technology และ 3M Nonwoven Technology สามารถกรองฝุ่นละอองขนาดใหญ่และฝุ่นละอองขนาด PM2.5 อีกทั้งด้วยเทคโนโลยี Catalytic Activated Carbon (CAC) Technology ช่วยลดกลิ่น, ฟอร์มาลดีไฮด์ และ VOC ทำให้อากาศสะอาดและสดชื่นขึ้น รวมถึงไส้กรอง ถูกออกแบบมาพิเศษสำหรับ ระบบการกรองสี่ชั้นขั้นสูงที่ทำให้อากาศบริสุทธิ์ในรถของคุณในไม่กี่นาที รวมถึงมีขนาดเล็กที่สุด จะนำไปไว้ตรงไหนก็ได้ที่คุณต้องการ เรียกได้ว่าเล็กที่สุดในทั้งหมด 5 รุ่นนี้ แต่ประสิทธิภาพไม่แพ้ใครเช่นกัน

5. เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ MITSUTA รุ่น MCA150s

เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ MITSUTA รุ่น MCA150s

MITSUTA รุ่น MCA150s

แบรนด์ไหนจะกรอก จะฟอก 3 ขั้นตอนหรือ 4 ขั้นตอนก็ไม่สน เพราะ MITSUTA เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ 5 ขั้นตอน รุ่น MCA150s นี้ก็จัดเต็มเหมือนกัน และน่าสนใจมากๆ ในขณะนี้ ระบบฟอก 5 ขั้นตอนนั้น ได้แก่ HEPA Filter กรองฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ได้ ขั้นตอนที่ 2 Activated Carbon Filter ที่ดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์ และสารพิษที่เป็นอันตรายที่อยู่ในอากาศ ขั้นตอนที่ 3 Photocatalyse Filter เอาให้เข้าใจง่ายๆ คือดูดซับสารพิษต่างๆ ที่ระเหยมาได้ ขั้นตอนที่ 4 UV : ฆ่าเชื้อโรคและแบคทีเรีย สุดท้ายกับ Ionizer ปล่อยประจุลบกับบวกไปจับฝุ่นต่างๆ อีกที เรียกได้ว่าตัวนี้คุ้มมากเลย

สรุป

การจัดวางเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ขึ้นอยู่กับเครื่องฟอกอากาศของเราด้วยว่า เป็นแบบเคลื่อนย้ายได้ไหม หรือขนาดเล็กหรือใหญ่ ใส่ตรงที่วางแก้ว หรือติดไว้กับช่องแอร์

รวมถึงเรื่องพลังงานไฟฟ้าที่เครื่องฟอกอากาศนั้นต้องใช้ว่าเสียบกับที่เสียบบุหรี่ หรือเสียบสายแบบ USB

ข้อดีของเครื่องฟอกอากาศแบบเคลื่อนที่ไม่ได้ ฟิกซ์ตำแหน่งมาแล้ว คือติดตั้งง่าย เพราะถูกกำหนดที่วางแล้วด้วยตัวดีไซน์ แต่ข้อเสียคือไม่สามารถเคลื่อนย้าย

ในทางตรงกันข้ามเครื่องฟอกอากาศในรถแบบเคลื่อนที่ได้ ไม่ได้ถูกกำหนดมาตายตัวว่าจะต้องไว้ตรงไหน ข้อดีคือ มีความยืดหยุ่นในการจัดวาง ข้อเสียคือ วุ่นวายในการเสียบสายไฟ ถ้าหากมีการย้าย หรือเปลี่ยนตำแหน่งของเครื่องฟอก

และอีกอย่างหนึ่งคือ บางทีเราไม่รู้ว่าจะต้องวางในแนวตั้ง หรือแนวนอน ต่างรุ่นต่างแบบก็เหมาะสมกับแต่ละไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน

เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ ถือเป็นสิ่งจำเป็นมากสำหรับผู้ที่ต้องใช้เวลาบนรถเป็นเวลานาน ซึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า กรุงเทพฯ รถติดนานมาก นอกจากฝุ่นที่เราสูดเข้าไปแล้ว พวกสารเคมีระเหยได้ ที่นับว่าอันตรายต่างๆ อีก ที่เราต้องเผชิญ ดังนั้นเครื่องฟอกอากาศในรถถือเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อสุขภาพที่ดีของทั้งผู้ขับขี่และผู้ร่วมเดินทางนะครับ 🙂

Add a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *